บัญญัติ 10 ประการ ***ใครอยากรวย ต้องรู้***

หัวใจสำคัญของการลงทุน ...เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเป็นนักลงทุนที่ดี ควรที่จะต้องเรียนรู้อะไรบ้าง (ขอย้ำว่าทุก ๆ ข้อต่อไปนี้สำคัญทั้งนั้น หากใครทำได้ครบล่ะก็ ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอนเลยค่ะ) มาเริ่มกันเลย... ^^

1. “ความรู้ทางการเงิน” สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า “ความรู้ทางการงาน” เพราะในชีวิตของคนเราทุกคนนั้น จะมีช่วงเวลาที่จะสามารถหา “รายได้จากการทำงาน”(you at work) ที่จำกัด และจะต้องมีชีวิตหลังเกษียณค่อนข้างยาวนาน เราจึงต้องรู้วิธีที่จะ “ใช้เงินให้ทำงาน” (money at work) เพื่อให้เรามีชีวิตอยู่หลังจากเกษียณได้อย่างมีความสุข


2. การออมเป็น “เกมแห่งระยะเวลา”(game of time) ใครเริ่มต้นก่อน ก็รวยก่อน เพราะยิ่งทิ้งไว้นาน ยิ่งได้เป็นกอบเป็นกำ ซึ่งถือเป็น “เงื่อนไขที่จำเป็น” ของทุกคนที่ต้องการบรรลุสู่อิสรภาพทางการเงิน

3. การลงทุนเป็น “เกมแห่งจังหวะเวลา” (game of timing) ต้องรู้จังหวะในการเข้าออกจากตลาดหุ้นที่เหมาะสม ซื้อเมื่อต่ำ ขายให้ได้สูงกว่าที่ซื้อมา หยุดเมื่อสงสัย เพราะถ้าหากเข้าผิดจังหวะ ยิ่งทิ้งไว้นาน จะยิ่งเสียหายมาก และทำให้โอกาสที่จะได้ทุนคืนยากขึ้นเรื่อยๆ (losses are harder to regain)

4. การตัดสินใจเกี่ยวกับการลงทุนไม่ใช่การตัดสินใจซื้อสินค้าสำเร็จรูป (product) แบบที่ตัดสินใจตอนซื้อครั้งเดียวแล้วจบ ถ้าไม่ได้ผล หรือใช้แล้วไม่พอใจ ก็ทิ้งมันไว้เฉย ๆ ...แต่จริง ๆ แล้วการลงทุนเป็นกระบวนการ (process) ที่ต้องมีการเอาใจใส่ ติดตามผล และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา

5. หนทางไปสู่ความสำเร็จไม่ได้มีเพียงเส้นทางเดียว จุดสำคัญในการบริหารการลงทุนนั้นไม่ได้อยู่ที่รูปแบบ วิธีการ หรือสไตล์ ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นเพียง “เกมภายนอก” (outer game) แต่เป็นเรื่องของทัศนคติ วิธีคิด พลังใจ ซึ่งเป็น “เกมภายใน” (inner game) ของเรานั่นเอง

6. ลำพังแค่การ “เอาชนะดัชนี” (beat the index) ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ไม่มีใคร “เอาชนะตลาด”(beat the market) ได้ เคล็ด (ไม่) ลับในการจะยืนหยัดอยู่ในเกมการลงทุนได้อย่างตลอดรอดฝั่งในฐานะ “ผู้ชนะ” นั้น อยู่ที่การยืนอยู่ฝั่งเดียวกับตลาดไม่ใช่การฝืนตลาด

7. ความสำเร็จในการลงทุนไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน จริงๆ แล้วมันอาจเปรียบได้กับการวิ่งแข่งระยะไกล (marathon) ไม่ใช่การวิ่งแข่ง 100 เมตร (sprint) ดังนั้น คุณจะต้อง “รู้จักตัวเอง” (know yourself) ว่าอะไรคือสไตล์การลงทุนที่เหมาะสมที่เข้ากันได้กับความสามารถในการรับความเสี่ยง (risk attitude) และทักษะในการลงทุน (risk aptitude) เพราะนั่นคือ “ระบบ” ที่คุณต้องใช้ในเพื่อ “ทำธุรกิจ” นี้ในระยะยาว



8. ในการใช้เงินต่อเงินนั้น คุณต้อง “รู้จักเครื่องมือ” (know the vehicle) ว่ามีลักษณะและรูปแบบการให้ผลตอบแทนอย่างไร มีข้อดี ข้อเสีย และข้อจำกัดอะไรบ้าง จากนั้นจึงฝึกฝนการใช้เครื่องมือนั้นให้ชำนาญ

9. นอกจากนี้ คุณต้อง “รู้จักตลาด” (know the market) คือ รู้ว่าตลาดการเงินมีธรรมชาติเป็นอย่างไร อะไรคือสาเหตุเบื้องหลังที่ทำให้เกิดการขึ้นลงของตลาด และรู้วิธีการในการบริหารความเสี่ยงในการลงทุนว่าต้องแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร

10. อย่าติดอยู่ในกับดักของ “การบริโภคข้อมูลเกินขนาด” (information overload) ซึ่งมัวแต่สนใจหาข้อมูล ศึกษา วิเคราะห์ จนไม่กล้าลงมือปฏิบัติ (analysis paralysis) เพราะมีความเชื่ออย่างผิด ๆ แบบพวกมองโลกสมบูรณ์แบบ (perfectionist) ว่าถ้ามีข้อมูลที่สมบูรณ์จะไม่เกิดความผิดพลาด (zero-defect mentality) จริงๆ แล้ว หัวใจสำคัญของการบริหารการลงทุนนั้นอยู่ที่การ “จำกัดความเสี่ยง” (risk limitation) ไม่ใช่ “กำจัดความเสี่ยง” (risk elimination) เพราะไม่มีใครที่สามารกำจัดความเสี่ยงออกไปได้

ถ้าถามว่ากฎที่สำคัญที่สุดที่สรุปได้จากการปฏิบัติ (rule of thumb) ของผู้เขียนหนังสือชุด “อยากรวยต้องรู้” คืออะไร ก็อยากตอบว่า rule of “ทำ” นั่นคือ “รู้แล้วต้องลงมือทำ” เพราะในภาษาอังกฤษ คำว่า “โชคลาภ” (luck) เป็นตัวย่อของ Laboring Under Correct Knowledge แปลว่า “ลงมือทำ ด้วยความพากเพียร โดยอาศัยความรู้ที่ถูกต้อง” นั่นเองค่ะ หวังว่าบทความนี้คงเป็นประโยชน์สำหรับนักลงทุนมือใหม่หลาย ๆ คน ขอให้ผู้อ่านลองนำไปปรับใช้กันดูนะคะ ^^ 

ขอขอบคุณเนื้อหาดี ๆ จาก : หนังสือ อยากรวย ต้องรู้ เล่ม 3